วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความเป็นมาของเครื่องคอมพิวเตอร์

ยุคต่างๆของเครื่องคอมพิวเตอร์

วิวัฒนาการเครื่องคอมพิวเตอร์แบ่งเป็น 5575ยุค ทั้งหมด 5 ยุค
    
 คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1

     คอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 เริ่มจากเครื่อง UNIVAC I เป็นต้นมา ซึ่งเครื่อง UNIVAC I นี้ เอ็คเคิร์ตและมอชลีได้เริ่มโครงการสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1946 ณ มหาวิทยาลัยเพนซิวาเนีย โดยสร้างสำเร็จและเผยสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ค.ศ. 1951 เครื่อง UNIVAC I เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่นำมาใช้กับงานด้านธุรกิจเมื่อปี ค.ศ. 1954 โดยบริษัท General Electric (GE)


     คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2

     ในปี ค.. 1947 นักวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์เบลล์แล็บได้ค้นพบอุปกรณ์ ทรานซิสเตอร์ เพื่อนใช้ทดแทนหลอดสุญญากาศ คุณสมบัติของทรานซิสเตอร์คือเป็นสวิตซ์ที่มีขนาดเล็ก ใช้พลังงานไฟฟ้าน้อย ประมวลผลรวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือมากกว่าหลอดสูญญากาศ ต่อมาในปี ค.. 1958 บริษัท IBM ได้ใช้ทรานซิสเตอร์ในการสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ 2 รุ่นด้วยกัน คือ IBM-7090 และ IBM-7070 และต่อมาในปี ค.ศ.1959 บริษัท IBM ก็ได้สร้างเครี่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งคือ IBM-1401 ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ลำดับที่ 3  คอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 ส่วนหน่วยความจำหลักที่ใช้ในยุคนี้ก็คือวงแหวนแม่เหล็กและใช้บัตรเจาะรู เทปแม่เหล็กเป้นหน่วยความจำสำรอง
   
  คอมพิวเตอร์ยุคที่ 3
    

  ในระหว่างปี ค.ศ. 1960 ได้มีการค้นพบ เทคโนโลยีโซลิดสเตน โดยที่โซลิตสเตตเป็นการรวมของทรานซิสเตอร์ ไดโอด และรีจิสเตอร์ ลงในชิปเดี่ยวบนซิลิคอม ทรานซิสเตอร์แต่ละตัวจะถูกเชื่อมต่อกันด้วยโลหะขนาดเล็กเพื่อใช้สร้างเป็นวงจรชนิดต่างๆ โดยวงจรดังกล่าวที่ได้สร้างจากเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ นี้เรียกว่า ไอซี และบริษัท IBM ก็ได้สร้างเครื่อง System 360 ซึ่งเป็นเครื่อง    ที่ใช้ไอซี จำทำให้เครื่องคตอมพิวเตอร์มีขนาดเล็กลงและเป็นที่มาของเครื่องมิมิคอมพิวเตอร์
     


คอมพิวเตอร์ยุคที่ 4
      ในกลางปี ค.ศ. 1970 บริษัทอินเทลได้ค้นพบวิธีการนำทรานซิสเตอร์หลายพันตัวบรรจุลงในชิปซิลิคอน ซึ่งเรียกว่าเทคโนโลยี LSIและต่อมาในปี ค.ศ.1975 คอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่ใช้ไม่โครโปรเซสเซอร์ 8080 ได้สร้างขึ้นภายในชื่อว่า Altair8800 ซึ้งเป็นไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องแรก
    

 คอมพิวเตอร์ยุคที่ 5
      ในปี ค.ศ. 1979 บริษัทโมโตโรลา ได้สร้างไมโครโปรเซสเซอร์ รุ่น MC68000 ที่บรรจุจำนวน ทรานซิสเตอร์ได้ถึง 68,000 ชิ้น และไมโครคอมพิวเตอร์จำนวนมากมายได้ใช้ชิปดังกล่าวเป็นตัวประมวลผล
เทคโนโลยีในยุคที่ 5 จัดเป็นยุคปัจจุบันที่ใช้ความสามารถของเทคโนโยลีคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้กับงานด้านฐานความรู้ ระบบผู้เชี่ยวชาญและระบบปัญญาประดิษฐ์


ประวัติคอมพิวเตอร์

ความเป็นมาของเครื่องคอมพิวเตอร์

     บุคคลที่มีความสำคัญต่อคอมพิวเตอร์

      1. ชาลส์ แบบเบจ (Charles Babbage) ได้ทำการออกแบบเครื่อง Difference Engine เมื่อปี ค.ศ. 1822 ซึ่งโครงการดังกล่าได้รับทุนสนับสนุนและคำอนุญาตจากรัฐบาลเมื่อปี ค.. 1823 แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องดั่งกล่าวของแบบเบจก็สร้างได้ไม่สมบูรณ์แบบ เหตุผลหนึ่งที่แบบเบจตัดสินใจหยุดโครงการพัฒนาเครื่อง Difference Engine เนื่องจากได้ค้นพบความไม่น่าเชื่อถือบางประการในการคำนวณของเครื่องดังกล่าวจนกระทั่งต่อมา แบบเบจก็ได้ทำการพัฒนาเครื่องใหม่ภายใต้ชื่อว่า Analytical Engine ซึ่งประกอบไปด้วยส่วนหน่วยความจำ (Memory Unit) ที่สามารถจัดเก็บตัวเลขและนำไปคำนวณได้ ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องดังกล่าวยังสามารถพิมพ์ข้อมูลได้อัตโนมัติ สามารถนำเข้าด้วยบัตรเจารู (Punched Cards) และใช้ชุดคำสั่งในการควบคุม เครื่อง Analytical Engine นี้ยังมีฟังก์ชั่นหน้าที่หลายๆอย่างเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ในยุคปัจจุบัน ดังนั้นแบบเบจจึงถูกขนานนามให้เป็น บิดา                  แห่งคอมพิวเตอร์ เป็นต้นมา 





2.เลดี้ ออกุสต้า เอดา แบรอน (Lady Augusta Ada Byron) เธอเป็นสตรีคนสำคัญคนหนึ่งที่ช่วยออกแบบเครื่องของแบบเครื่องของแบบเบจ อีกทั้งยังได้เสนอแนวคิดและเป็นผู้ที่เขียนโปรแกรมชิ้นแรกเพื่อใช้กับเครื่องดังกล่าว ต่อมาเธอก็ได้ถูกขนานนามให้เป็น โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลกนอกจากนี้ก็ยังได้มีการตั้งชื่อภาษาคอมพิวเตอร์ภาษาหนึ่งด้วยการใช้ชื่อของเธอ นั่นก็คือ ภาษาเอด้า (Ada)






3. ในปี ค.. 1887 เฮอร์แมน ฮอลเลอริธ (Herman Hollerith) ได้ทำการพัฒนาเครื่อง Tabulating Machines ขึ้น ซึ่งใช้กับบัตรเจาะรู สามารถจัดเรียงบัตรมากกว่า 200  ใบต่อนาที และก็ได้นำมาใช้งานสำรวจสำมะโนประชากรของชนอเมริกากันหลายครั้งด้วยกัน และต่อมาในปี ค.. 1896 เฮอร์แมนก็ได้ทำการก่อตั้งบริษัทตนเองขึ้นมาภายใต้ชื่อว่า The Tabulating Machine Company อีกไม่นานต่อมาก็ได้ทำการรวมบริษัทกว่า 10 แห่งเข้าด้วยกันและก่อตั้งบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อว่า International Business Machines ซึ่งก็คือบริษัท IBM  นั่นเอง








4. Alan Turing  เกิดวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2455 (ค.ศ. 1912) ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เขาเป็น นักคณิตศาสตร์, นักตรรกศาสตร์, นักรหัสวิทยา และวีรบุรุษสงคราม ชาวอังกฤษ และ ได้รับการยอมรับว่าเป็นบิดาของวิทยาการคอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นสร้างรูปแบบที่เป็นทางการทางคณิตศาสตร์ของการระบุอัลกอริทึมและการคำนวณ โดยใช้เครื่องจักรทัวริง ซึ่งตามข้อปัญหาเชิร์ช-ทัวริงได้กล่าวว่าเป็นรูปแบบของเครื่องจักรคำนวณเชิงกลที่ครอบคลุมทุกๆ รูปแบบที่เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ


               




5. ค.ศ. 1936 เป็นครั้งแรกที่โลกได้มีเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องแรกที่สามารถตั้งโปรแกรมได้อย่างอิสระ ผู้พัฒนาคือ Konrad Zuse และชื่อคอมพิวเตอร์คือ Z1 Computer





        
       


6. ในปี ค.. 1937 ศาสตราจารย์ โฮเวิร์ด ไอเค็น (Professor Howard H.aiken) ร่วมมือกับวิศวกรจากไอบีเอ็มได้สร้างเครื่อง MARK I ซึ่งเป็นการสานแนวความคิดของแบบเบจได้สำเร็ว โดยเครื่อง MARK I นี้เป็นเพียงเครื่องจักรกลทางอิเล็กทรอนิกส์ (Electro-Mechanical Machine) ซึ่งสร้างด้วยสวิตซ์จักรกลไฟฟ้าที่เรียกว่าตัวรีเลย์ (Electro-Magneticd Relany) และเครื่อง MARK I ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 1944





7. ดร.จอห์น วี อาทานาซอฟฟ์ (Dr.John V. Atanassoff) ศาสตราจารย์ด้านคณิตศาสตร์ ณ Lowa State Collesge พร้อมผู้ช่วยชื่อ คลิฟฟอร็ด เบอร์รี (Clifford Berry) ได้สร้างเครื่งคำนวณที่ใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเครืงแรกของโลกภายใต้ชื่อว่า เครื่อง ABC (The Atanasoff-Berry-Computer) โดยใช้หลอดสุญญากาศ (Vacuum Tube) ระบบเลขฐานมีหน่วยความจำและวงจรตรรกะเพื่อใช้กับการคำนวณทางฟิสิกส์ ซึ่งคล้ายกับเครื่องคิดเลขในปัจจุบัน






8.  ในปี ค.ศ. 1946 ดร.จอห์น ดับบลิว มอชลี (Dr. John W. Mauchly) และศาสตราจารย์ เจ เพรสเพอร์ เอ็คเคิร์ต (J.Presper Echert) ได้สร้างเครื่อง ENIAC (Electronic Numerical Integrator And Calcutateor) ซึ่งเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพดีกว่า เครื่อง MARK I โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ ENIAC จำเป็นต้องใช้ห้องเพื่อติดตั้งที่มีขนาดถึง 30×50 ฟุต ตัวเครื่องมีหลอดสุญญากาศกว่า 18,000 หลอด หนักกว่า 30 ตัน ใช้กำลังไฟฟ้า 150 กิโลวัตต์ บวกเลขได้ 5000 ครั้งต่อนาที ซึ่งประมวลได้เร็วกว่าเครื่อง MARK I  กว่าหนึ่งพันเท่า



9. ดร.จอห์น ฟอน นอยมานน์ (Dr.John von Neumann)     
ถึงแม้เครื่อง MARK I, ABC และ ENIAC เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ก็ยังมีโปรแกรมภายนอกอยู่ จนกระทั่ง ดร.จอห์น ฟอน นอยมานน์ (Dr.John von Neumann) ได้สร้าง แนวคิดในการจัดเก็บโปรแกรม (Stored Program Concept) โดยมีหน่วยความจำที่สามารถ ทำหน้าที่ในการจัดเก็บได้ทั้งข้อมูล (Data) และชุดคำสั่ง (Instructions)  และนอยมานน์ก็ได้ร่วมมือกับทีมงานเดิมที่ได้สร้างเครื่อง ENIVAC เพื่อสร้างเครื่องคอมพิวเตอร์ ECDVAC (Electronic Discrete Variable Automatic Computer) และ EDSAC (Electronic Delay Storage Automatic Computer) ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรกๆ ที่ใช้แนวคิดในการจัดเก็บโปรแกรมเป็นต้นมา








10. ดร. เทด ฮอฟฟ์ แห่งบริษัทอินเทลได้มีการพัฒนาไมโครโปรเซสเซอร์รุ่น Intel 4004 







11. สตีฟจ็อบ และสตีฟวอสเนียด ได้สร้างแอปเปิลคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องแรก ภายใต้ชื่อว่า Apple II และได้รับการตอบรับ ถึงความสำเร็จอย่างรวดเร็วทั่วโลก เครื่องคอมพิวเตอร์ดังกล่าวได้มีการนำไปใช้งานในสถาบันการศึกษาต่างๆ และนักศึกษาหลายคนก็ได้มีโอกาสสัมผัสเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก









12. บิลเกตส์ ให้ทำการพัฒนาโปรแกรมระบบปฏิบัติการที่ใช้งานบนเครื่องไอบีเอ็มพีซี
(PC-DOS) หลังจากนั้นเป็นต้นมาบิลเกตส์ก็ได้พัฒนาระบบปฏิบัติการ MS-DOS ขึ้นมาใช้งานบนเครื่องพีซีทั่วไป ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม










วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน

บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน  จ.ระนอง 

             บ่อน้ำร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน เป็นบ่อน้ำร้อนซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาตินี้มีอยู่  3บ่อ คือ บ่อพ่อ บ่อแม่ และ บ่อลูก ทั้ง 3บ่อ มีอุณหภูมิสูงประมาณ 65องศาเซลเซียส น้ำพุร้อนแห่งนี้ได้รับการวิเคราะห์จากกรมวิทยา ศาสตร์บริการว่าประกอบด้วยแร่ธาตุที่สำคัญ และเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปนอยู่เลย จึงทำให้ไม่มีกลิ่นของกำมะถันและมีความบริสุทธิ์สามารถรับทานได้จากแหล่งกำเนิด โดยไม่ต้องผ่านการกลั่น กรองใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่แห่งในโลก นอกจากนี้ยังถือเป็นน้ำบริสุทธิ์จึงเป็นแหล่งหนึ่ง ที่นำไปผ่าน พิธีพุทธาภิเษก ทำน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้เป็นน้ำพระพุทธมนต์ในพระราชพิธีฉลองพระชนมพรรษาครบ 5รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภายในบริเวณบ่อน้ำร้อนมีบริการอาบน้ำแร่บำบัดรักษาสุขภาพ่ที่ สยามฮอทสปา ผ่อนคลายความเมื่อยล้าด้วยการบำบัดจากน้ำแร่ ด้านนอกมีบริการแช่เท้าฟรีเพื่อผ่อนคลาย นอกจากนี้บริเวณใกล้ ๆ บ่อน้ำร้อนได้จัดเป็นสวนสาธารณะ "รักษะวาริน" มีศาลาที่พักและห้องอาบน้ำร้อนไว้บริการด้วย
บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน

ลักษณะบ่อน้ำร้อนทั้ง 3 บ่อ
     1.บ่อพ่อ
เป็นบ่อปูนซีเมนต์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาบ่อน้ำร้อนทั้งสามบ่อ มีลักษณะเป็นบ่อวงกลม เส้นผ่าศูนย์กลาง ของบ่อ ขนาด 2.80 เมตรสูงจากผิวดิน 0.80 เมตร ลักษณะของน้ำร้อน น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใสมีฟองก๊าช คาร์บอนไดอ๊อกไซด์ ที่ผุดขึ้นมาจากก้นบ่อสู่ผิวน้ำค่อนข้างน้อย ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่ายน้ำร้อนจะไหลล้น ออกนอกบ่อตลอดเวลา ทำให้บริเวณบางส่วนของปากบ่อและผนังบ่อน้ำด้านนอกมีการสะสมตัวของแร่แคลไซต์ ซึ่งเป็นแร่ที่มีขนาดผลึกละเอียดมาก แร่ชนิดนี้เป็นแร่อัลเทอร์เรชั่น ที่สำคัญชนิดหนึ่ง อุณหภูมิของน้ำร้อนวัดได้ 65 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดด่า วัดได้ประมาณ 8 อัตราการไหลของน้ำร้อนที่บ่อพ่อวัดได้ประมาณ 3.5 ลิตร/วินาที หรือประมาณ 12.6 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง แสดงลักษณะของบ่อน้ำพุร้อน
(บ่อพ่อ) รายล้อมด้วยสวน หย่อมและพุ่มไม้
    
2.บ่อแม่

เป็นบ่อปูนซีเมนต์เช่นเดียวกับบ่อพ่อ แต่มีขนาดเล็กกว่า โดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อขนาด 1.50 เมตร และสูง จากผิวดิน 0.85 เมตรลักษณะของบ่อน้ำพุร้อน น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใส มีฟองก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ผุดขึ้น มา เป็นจังหวะ ๆ และมีปริมาณมากกว่าบ่อพ่อ ไม่มีกลิ่นกำมะถัน ไม่มีสาหร่าย อุณหภูมิของน้ำร้อน วัดได้ 65 องศาเซลเซียส ค่าความเป็นกรดด่างวัดได้ประมาณ 8 มีแร่อัลเทอร์เรชั่นเคลือบเล็กน้อยที่ด้านในของผนังบ่อ ระดับของน้ำร้อนอยู่ต่ำจากปากบ่อลงไป 0.48 เมตร ไม่สามารถวัดอัตราการไหลของน้ำร้อนได้


บ่อพ่อ
บ่อแช่ตัว
   3.บ่อลูกสาวเป็นบ่อปูนซีเมนต์เช่นเดียวกัน มีเส้นผ่าศูนย์กลางของบ่อขนาด 2.00 เมตร และสูงจาก ผิวดิน 0.90 เมตร ลักษณะ ของบ่อน้ำพุร้อน (บ่อลูกสาว) น้ำร้อนในบ่อมีลักษณะใส มีฟองก๊าชคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ผุดขึ้นมายังผิวน้ำ มากกว่า สองบ่อแรกไม่มีกลิ่น กำมะถัน ไม่มีสาหร่าย อุณหภูมิของ น้ำร้อน วัดได้ 65 องศาเซลเซียส ค่าความเป็น กรดด่าง วัดได้ประมาณ 8 มีแร่อัลเทอร์เรชั่นเคลือบเล็กน้อยที่ด้านในของผนังบ่อ เช่นเดียวกับบ่อแม่ ระดับน้ำร้อนอยู่ต่ำ จากปากบ่อลงไป 0.1 เมตร ไม่สามารถวัดอัตราการไหลของน้ำร้อนได้






ขอขอบคุณ
ข้อมูลจาก http://www.ranong.go.th
ภาพจาก http://travel.sanook.com/

เกี่ยวกับตัวผม

 วั   ดี    รั  
    ประวัติส่วนตัว
ขอต้อนรับเข้าสู่  บล็อกของ นาย เสกสรร  พรหมช่วย
ชื่อเล่น เบ็นซ์       กรุ๊ปเลือด AB  สถานะ  โสด
ปัจจุบัน ศึกษาอยู่ คณะ วิทยาการจัดการ สาขา คอมพิวเตอร์ธุรกิจ  
มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต
เกิดวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2537
ปัจจุบัน อายุ 18 ปี
จบ ปวช.3 จาก วิทยาลัยเทคนิคระนอง 
ภูมิลำเนา เป็นคน จังหวัด ระนอง (เป็นคนทุกที่น่ะครับ)

Line : Alonethedark
Facebook : benzsayam@hotmail.com